หัวข้อ
- #การบริโภคเสื้อผ้ามากเกินไป
- #แฟชั่นด่วน
- #ขยะเสื้อผ้า
- #วิกฤตการณ์สภาพภูมิอากาศ
- #การทำลายสิ่งแวดล้อม
สร้าง: 2024-02-14
สร้าง: 2024-02-14 09:12
คุณชอบช้อปปิ้งไหม? แบรนด์แฟชั่นต่าง ๆ ผลิตเสื้อผ้าใหม่ ๆ ออกมาตลอดเวลา และผู้คนก็ยังคงซื้อเสื้อผ้าอยู่เรื่อย ๆ แม้ว่าจะไม่มีเสื้อผ้าไม่พอใส่ก็ตาม เนื่องจากอินเทอร์เน็ตพัฒนาขึ้น ทำให้มีผู้คนซื้อเสื้อผ้าออนไลน์มากขึ้น และแฟชั่นก็กลายเป็นสิ่งที่คนทั่วโลกมีร่วมกัน จริง ๆ แล้วคงมีคนน้อยมากที่จะซื้อเสื้อผ้าเพราะไม่มีเสื้อผ้าใส่จริงๆ
pixabay
หลายคนรู้ดีอยู่แล้วว่า ทิชชู่เปียก แก้วกระดาษ แก้วพลาสติก หรือหลอดพลาสติกที่ใช้แล้วทิ้งเป็นสาเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อม เมื่อเห็นสิ่งของใช้แล้วทิ้งถูกทิ้งเกลื่อนกลาดตามท้องถนน ก็อดคิดถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่ได้ แต่เสื้อผ้าไม่ใช่สิ่งที่ทิ้งได้ง่าย ๆ และแม้จะทิ้งเสื้อผ้าแล้ว ก็มีคนไม่กี่คนที่สนใจว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นจะถูกนำไปกำจัดอย่างไรหลังจากที่ใส่ลงในกล่องรับบริจาคเสื้อผ้า
มีรายงานว่า เสื้อผ้าที่ผลิตทั่วโลกกว่า 70% ไม่ได้ถูกขายและถูกนำไปเผาทำลายทิ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอังกฤษ มีเสื้อผ้าที่ถูกทิ้งถึง 13 ล้านชิ้นต่อปี หากรวมข้อมูลของประเทศที่ไม่มีการเก็บสถิติด้วยแล้ว คาดการณ์ได้ว่าจะมีเสื้อผ้าจำนวนมหาศาลถูกทิ้งอย่างไม่น่าเชื่อ
SKYFi
นี่คือภาพเสื้อผ้าที่ถูกทิ้งในทะเลทรายอาตาคามา ประเทศชิลี ซึ่งเป็นสถานที่ฝังกลบขยะสิ่งทอที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขนาดของกองขยะเสื้อผ้ามีขนาดใหญ่จนสามารถมองเห็นได้จากภาพถ่ายดาวเทียมจากอวกาศ
เสื้อผ้าส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าที่คิด อย่างแรกคือปริมาณน้ำที่ใช้ในการผลิตเสื้อผ้ามีมากมายมหาศาล โดยเสื้อยืด 1 ตัวอาจใช้น้ำมากถึง 2,700 ลิตร นอกจากนี้ ไมโครพลาสติกที่เกิดจากการเผาและฝังกลบเสื้อผ้าก็เป็นปัญหาเช่นกัน ไมโครพลาสติกไม่ย่อยสลายและยังคงอยู่ในธรรมชาติ ปนเปื้อนในอาหารของสัตว์ และเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ผ่านทางอาหารที่กินสัตว์เหล่านั้น อุตสาหกรรมสิ่งทอเป็นอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเป็นอันดับต้น ๆ โดยอุตสาหกรรมสิ่งทอปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็นประมาณ 10% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก ยิ่งไปกว่านั้น โพลีเอสเตอร์ซึ่งเป็นวัสดุหลักที่ใช้ในการผลิตเสื้อผ้าต้องใช้ปิโตรเลียมมากถึง 350 ล้านตันต่อปี
pixabay
‘แฟชั่นเร็วด่วน’ (Fast Fashion) หมายถึงอุตสาหกรรมแฟชั่นที่ผลิตเสื้อผ้าราคาถูกตามกระแสแฟชั่น ตัวอย่างเช่น ยูนิโคล่ (UNIQLO) ซาร่า (ZARA) และเอชแอนด์เอ็ม (H&M) เป็นต้น คุณอาจเคยซื้อเสื้อผ้าจากแบรนด์เหล่านี้บ้าง โดยไม่รู้ตัวว่าการบริโภคแฟชั่นเร็วด่วนของคุณกำลังทำลายสิ่งแวดล้อมอยู่
pixabay
ต่อไปนี้เราควรเลือกวิธีการบริโภคและกำจัดเสื้อผ้าอย่างไรเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม? แทนที่จะทิ้งเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่แล้ว ควรบริจาคให้ผู้อื่น ฟิลาโคเรีย (Fila Korea) ได้ดำเนินโครงการอัพไซคลิ่ง (Upcycling) เสื้อผ้าเก่า โดยรับบริจาคเสื้อผ้าเก่าจากพนักงานและลูกค้า แล้วนำไปอัพไซคลิ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์สำหรับเด็กในสถานสงเคราะห์ผู้พิการ ส่วนฟรายแท็ก (Freitag) ได้ประกาศ ‘ไม่ร่วมวันศุกร์ดำ’ (No Black Friday) เพื่อหยุดยั้งการบริโภคที่มากเกินไปในช่วงวันศุกร์ดำ โดยหยุดขายสินค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์เป็นเวลา 24 ชั่วโมง และใช้สโลแกน “อย่าซื้อ แค่ยืม” (DON’T BUY, JUST BORROW) จัดแคมเปญให้ยืมกระเป๋าฟรีกับลูกค้าเป็นเวลา 2 สัปดาห์
บางประเทศใช้มาตรการทางกฎหมายต่อต้านแฟชั่นเร็วด่วน เช่น ฝรั่งเศสได้ออกกฎหมายห้ามผู้ผลิตเสื้อผ้าทิ้งเสื้อผ้าที่ขายไม่ออก และบังคับให้ผู้ผลิตเสื้อผ้าต้องนำเสื้อผ้าไปรีไซเคิลหรือบริจาค
pixabay
ปัจจุบันกระแสความนิยมของเสื้อผ้าแนววินเทจทำให้มีผู้คนไปร้านขายเสื้อผ้ามือสองกันมากขึ้น หวังว่ากระแสความนิยมร้านขายเสื้อผ้ามือสองจะไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว แต่จะดำเนินต่อไปอย่างยั่งยืน และเป็นจุดเริ่มต้นในการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมจากผลกระทบของอุตสาหกรรมเสื้อผ้า
ความคิดเห็น0