เหตุผลที่นกฟลามิงโกเป็นสีชมพู 'สัตว์ใกล้สูญพันธุ์'

นกฟลามิงโก้ดึงดูดสายตาด้วยสีชมพูที่สวยงามและท่วงท่าสง่างามยืนอยู่บนขาที่เรียวบาง ด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงามทำให้มันถูกนำไปใช้เป็นตัวละครในหนังสือการ์ตูนหรือถูกสร้างเป็นของเล่น เช่น ท่อยาง รูปตุ๊กตา หรือของตกแต่งต่างๆ บางคนอาจไม่ค่อยได้เห็นมันมากนัก จึงเข้าใจผิดคิดว่ามันเป็นนกที่บินไม่ได้เหมือนไก่หรืออีมู แต่จริงๆ แล้วนกฟลามิงโก้เป็นนกที่บินได้

นกฟลามิงโก้สีชมพูเกิดมาแล้วมีสีขาวหรือสีเทา เมื่อโตขึ้นสีของมันจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีชมพู ทำไมนกฟลามิงโก้ถึงมีสีชมพู? เหตุผลที่นกฟลามิงโก้มีสีชมพูทั้งขนและขาเกี่ยวข้องกับอาหารที่มันกิน นกฟลามิงโก้กินสัตว์จำพวกครัสเตเชียน เช่น ปู กุ้ง และหอย สารสีแดงที่ชื่อว่าแอสตาแซนธินในครัสเตเชียนทำให้ร่างกายของมันมีสีแดง น่าทึ่งไหมล่ะที่สีของร่างกายมันถูกกำหนดโดยอาหารที่มันกิน

ท่าทางการนอนของนกฟลามิงโก้ก็แปลกตาเช่นกัน มันนอนโดยยืนขาข้างเดียวซึ่งดูแล้วไม่สะดวกสบายเลยสำหรับเรา ทำไมมันถึงยืนขาข้างเดียว? เพราะมันจะเก็บขาอีกข้างไว้ใต้ขนเพื่อรักษาอุณหภูมิร่างกาย

นกฟลามิงโก้มีเสน่ห์ดึงดูดใจไม่แพ้รูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงาม แต่ทว่ามีนกฟลามิงโก้บางชนิดที่กำลังเผชิญกับภาวะใกล้สูญพันธุ์

นกฟลามิงโก้อันดีสถูกจัดอยู่ในรายชื่อสัตว์ใกล้สูญพันธุ์โดยสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (IUCN) นกฟลามิงโก้อันดีสจัดอยู่ในสถานะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ (VU) มีความเป็นไปได้ที่มันจะตกอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์อย่างรุนแรงภายในไม่กี่ปีข้างหน้า ปัจจุบันยังไม่สามารถระบุจำนวนประชากรที่แน่นอนได้ แต่จำนวนประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่านกฟลามิงโก้ที่ได้รับการดูแลในสวนสัตว์อาจสามารถรักษาจำนวนประชากรไว้ได้ แต่ในธรรมชาติ นกฟลามิงโก้กำลังเผชิญกับภาวะใกล้สูญพันธุ์

นกฟลามิงโก้อันดีสอาศัยอยู่ในที่ราบสูงอันดีส บริเวณที่มีระดับความสูงสูงนั้นไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ สภาพอากาศสุดขั้ว เช่น ภัยแล้ง พายุ และน้ำท่วม เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้นกฟลามิงโก้อันดีสใกล้สูญพันธุ์

นอกจากนี้ การทำเหมืองลิเธียมยังส่งผลกระทบต่อนกฟลามิงโก้อันดีสด้วย พื้นที่ทำเหมืองลิเธียมที่ใช้เป็นแบตเตอรี่ในสมาร์ทโฟนและรถยนต์ไฟฟ้าทับซ้อนกับพื้นที่อยู่อาศัยของนกฟลามิงโก้อันดีส กระบวนการผลิตลิเธียมต้องใช้น้ำจำนวนมาก การสูบน้ำจากทะเลสาบและน้ำบาดาลส่งผลให้การดำรงชีวิตของนกฟลามิงโก้ตกอยู่ในอันตราย

มหาวิทยาลัยอินเดียนาได้ติดตั้งอุปกรณ์จีพีเอสให้นกฟลามิงโก้อันดีสเพื่อศึกษาเส้นทางการเคลื่อนที่ของพวกมัน พวกเขาทดลองติดตามพฤติกรรมของนกฟลามิงโก้เป็นเวลา 2-4 ปี พร้อมกับสังเกตสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ จากความพยายามในการศึกษานี้ทำให้สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (IUCN) จัดให้นกฟลามิงโก้อันดีสเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์และได้รับการคุ้มครอง นอกจากนี้ นกฟลามิงโก้อันดีสยังได้รับการคุ้มครองจากอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) อีกด้วย

นอกเหนือจากนกฟลามิงโก้อันดีสแล้ว ยังมีนกฟลามิงโก้อีกหลายชนิดที่กำลังเผชิญกับภาวะใกล้สูญพันธุ์ แม้ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นวิกฤตเหมือนนกฟลามิงโก้อันดีส แต่ก็หวังว่าจะมีการดำเนินกิจกรรมอนุรักษ์อย่างจริงจังเพื่อป้องกันไม่ให้นกฟลามิงโก้ชนิดอื่นๆ ต้องเผชิญกับอันตรายเช่นกัน