หัวข้อ
- #Zero Sugar
- #เอริทริทอล
- #สารให้ความหวานแทนน้ำตาล
- #สารให้ความหวาน
- #เครื่องดื่ม Zero Sugar
สร้าง: 2024-02-06
สร้าง: 2024-02-06 17:14
pixabay
เครื่องดื่มแบบไม่ใส่น้ำตาลหรือที่เรียกว่า เครื่องดื่มสูตรเจโร่ (Zero Sugar)ตอนแรกที่ออกมาใหม่ๆ ก็รู้สึกอยากลองชิมเพราะความอยากรู้อยากเห็น แต่ตอนนี้กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วค่ะ ทั้งโค้กเจโร่ เซเว่นอัพเจโร่ เบียร์เจโร่ ไอศกรีมเจโร่ ขนมขบเคี้ยวเจโร่ ช็อกโกแลตเจโร่ วุ้นเจโร่ ฯลฯ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงจะไม่มีอาหารชนิดไหนที่ไม่ทำเป็นสูตรเจโร่แล้วล่ะค่ะ เครื่องดื่มสูตรเจโร่ทำยังไงถึงได้รสหวานแบบนี้ทั้งๆ ที่ไม่มีน้ำตาลเลยล่ะคะ?
ถ้าดูตารางโภชนาการของผลิตภัณฑ์เจโร่จะเห็นว่ามีส่วนผสมอย่างหนึ่งที่แทบจะขาดไม่ได้เลย นั่นก็คือ ‘เอริทริทอล (Erythritol)’ นั่นเองค่ะ
By Thomas Kniess - Own work, CC BY-SA 4.0, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=44313896
เอริทริทอลเป็นวัตถุดิบที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในผลไม้หรืออาหารหมักดอง และมักใช้เป็นส่วนผสมให้รสหวานในเครื่องดื่มเจโร่หรือขนมต่างๆ เนื่องจากมีแคลอรีต่ำมาก จนแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ ดังนั้นเวลาที่ระบุในฉลากจึงมักระบุว่าเป็นแคลอรีเป็นศูนย์ (Zero Calories) เพราะฉะนั้นแม้จะมีแคลอรีอยู่บ้างเล็กน้อย แต่เมื่อร่างกายดูดซึมเข้าไปแล้วส่วนใหญ่ก็จะถูกขับออกทางปัสสาวะค่ะ นอกจากนี้ยังมีผลช่วยป้องกันฟันผุคล้ายๆ กับไซลิทอลด้วยนะคะ
pixabay
ปัจจุบันอัตราการเกิดโรคเบาหวานในกลุ่มคนวัยรุ่นอายุ 20-30 ปีเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ คนรุ่นใหม่ในปัจจุบันต่างจากรุ่นก่อนๆ ตรงที่ตั้งแต่เด็กๆ ก็มีโอกาสได้สัมผัสกับอาหารฟาสต์ฟู้ด เครื่องดื่มอัดลม ขนมต่างๆ มากขึ้น เมื่อโตขึ้นก็ยังคงนิสัยการกินขนมแบบเดิมๆ ร้านกาแฟแฟรนไชส์ต่างๆ ก็มีมากขึ้น ทำให้คนเราสัมผัสกับน้ำตาลได้ง่ายขึ้น ยิ่งอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตสูงๆ อย่างต๊อกบกกีก็กำลังเป็นที่นิยม รวมถึงอาหารทอดๆ อย่างไก่ทอด หรือของหวานอย่างทังฮูรูที่ดูแล้วก็รู้ว่าต้องมีน้ำตาลเยอะๆ ทำให้พฤติกรรมการกินของคนหนุ่มสาวเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดีนัก ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คนหนุ่มสาวเป็นโรคเบาหวานมากขึ้นค่ะ
เอริทริทอลจึงกลายเป็นตัวเลือกของผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะไม่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด จึงเป็นที่นิยมใช้ทดแทนน้ำตาลในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานมากขึ้น เอริทริทอลที่ไม่มีทั้งแคลอรีและน้ำตาลจะมีผลข้างเคียงอะไรบ้างหรือเปล่าคะ?
pixabay
การบริโภคอะไรก็ตามมากเกินไปย่อมก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้เสมอค่ะ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การบริโภคเอริทริทอลมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเสีย คลื่นไส้ได้ ปริมาณที่ถือว่ามากเกินไปอยู่ที่ประมาณ 50 กรัมค่ะ โดยน้ำอัดลมสไปรท์เจโร่ 500 มิลลิลิตรจะมีเอริทริทอลประมาณ 1 กรัม ดังนั้นจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกินเกินขนาดนี้ เว้นเสียแต่ว่าจะดื่มน้ำอัดลมเจโร่เป็นสิบๆ กระป๋อง
นอกจากเอริทริทอลแล้ว เวลาที่ดูส่วนผสมในเครื่องดื่มอัดลมเจโร่ก็จะเห็นส่วนผสมอื่นๆ ที่น่าสนใจอีก เช่น ซูคราโลส อัสปาร์แตม และอะเซซัลเฟมโพแทสเซียมค่ะ
ซูคราโลสก็คล้ายกับเอริทริทอลตรงที่มีแคลอรีต่ำมาก ช่วยป้องกันฟันผุ และไม่ส่งผลต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน อะเซซัลเฟมโพแทสเซียมก็เป็นสารให้ความหวานทดแทนเช่นกัน แต่ให้รสหวานน้อยกว่าซูคราโลสค่ะ ทั้งซูคราโลสและอะเซซัลเฟมโพแทสเซียมก็เหมือนกับเอริทริทอล ตราบใดที่ไม่บริโภคมากเกินไปก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายค่ะ
อัสปาร์แตมเป็นสารให้ความหวานทดแทนที่ให้รสหวานมากที่สุดเท่าที่มีอยู่ แต่ก็เคยมีประเด็นเรื่องการเป็นสารก่อมะเร็งมาก่อนค่ะ องค์การอนามัยโลก (WHO) เคยประกาศว่ามีแผนจะจัดให้อัสปาร์แตมเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่ม 2B ในปี 2566
pixabay
สารก่อมะเร็งกลุ่ม 2B คือสารที่มีความเป็นไปได้ที่จะก่อให้เกิดมะเร็ง เช่น กิมจิ ผักดอง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถือ ก็จัดอยู่ในกลุ่ม 2B เช่นกัน จริงๆ แล้วเราก็สัมผัสกับสารก่อมะเร็งกลุ่ม 2B อยู่แล้วนั่นเองค่ะ อย่างเช่นกาแฟก็เคยถูกจัดอยู่ในกลุ่ม 2B มาก่อน ถึงแม้ว่าจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มสารก่อมะเร็ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะอันตรายมากขนาดนั้นค่ะ
pixabay
สารให้ความหวานทดแทนที่เป็นเหมือนแสงสว่างของผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก ถึงแม้ว่าจะปลอดภัยในระดับหนึ่งแล้ว แต่ก็อย่าลืมว่าการบริโภคมากเกินไปก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้นะคะ
ความคิดเห็น0